เครือข่ายใยแมงมุม (World Wide Web)
เครือข่ายใยแมงมุม
ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตสามารถเชื่อมต่อกันได้ทั่วโลก และการใช้งานบนระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน เป็นการใช้งานที่ทำได้ง่าย สะดวก และมีการให้บริการที่หลากหลายรูปแบบทำให้ทุกคนสามารถใช้งานบนอินเทอร์เน็ตได้ด้วยตนเอง และในระบบงานราชการของไทยในยุคปัจจุบันก็จะใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยในการติดต่อสื่อสารระหว่างหน่วยงาน เพื่อทำให้สามารถเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ ถึงกันได้ และช่วยลดปริมาณกระดาษในการนำส่งเอกสารระหว่างหน่วยงานได้อีกด้วย
การบริการอย่างหนึ่งซึ่งมีความสำคัญในการสื่อสารบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทำให้สามารถเชื่อมโยงเอกสารในเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่มีอยู่ทั่วโลก ทำให้มองดูเสมือนกับแมงมุมที่กระจายเส้นใยครอบคลุมไปในทิศทางต่างๆ ทั่วโลก จงทำให้ระบบนี้ถูกเรียกว่า "เครือข่ายใยแมงมุม" (World Wide Web) หรือ www หรือ Web นั้นเอง
การเผยแพร่ข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตผ่านสื่อประเภทเว็บเพจเป็นที่นิยมอย่างสูงในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นการโฆษาสินค้า การศึกษาข้อมูล ความรู้ต่างๆ การเผยแพร่ข้อมูลทางการแพทย์ การเรียนผ่านทางอินเทอร์เน็ต การซื้อ-ขายสินค้า ตลอดจนความบันเทิงในรูปแบบต่างๆ เช่น การดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม การเผยแพร่ข้อมูลในรูปแบบนี้จะสามารถเข้าถึงกลุ่มของผู้ที่สนใจได้ทั่วโลกตลอดจนการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารก็ทำได้ทั้งรูปแบบข้อมูลตัวอักษร ข้อมูลภาพ ข้อมูลเสียง และภาพเคลื่อนไหวต่างๆ จึงทำให้ระบเวิลด์ ไวด์ เว็บ ได้รับความนิยมอย่างสูงสุดของระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
หมายเลขประจำเครื่อง (IP Address)
การส่งข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่มีการเชื่อมต่อกันในระบบเครือข่านอินเทอร์เน็ตซึ่งอยู่ภายใต้มาตรฐาน TCP/IP เครื่องคอมพวเตอร์จะต้องมีหมายเลขประจำตัว เพื่อจะได้สามารถอ้างอิงหมายเลขในการเรียกใช้งาน และหมายเลขประจำตัวนี้จะต้องไม่ซ้ำกันเช่นเดียวกับหมายเลขประจำตัวประชาชนของแต่ละบุคคล ซึ่งหมายเลขที่ใช้อ้างอิงจะใช้เป็นตัวเลขที่เรียกว่า (IP Address)
IP Address คือ หมายเลขประจำตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมต่อในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต การกำหนดหมายเลข IP Address ประกอบด้วยเลขฐานจำนวน 4 ชุดๆละ 8 บิต จะรวมเป็นค่าตัวเลข 32 บิต ค่าของตัวเลขแต่ละส่วนมีค่าตั้งแต่ 0 ถึง 255
โดเมนเนม (Domain Name)
คือ ชื่อเว็บไซต์ (www.yourdomain.com) ที่ท่านสามารถเป็นเจ้าของ ซึ่งจะต้องไม่ซ้ำกับคนอื่น เพื่อการเรียกหาเว็บไซต์ที่ต้องการ “ชื่อเว็บไซต์” คือ สิ่งแรกที่แสดง หรือ ประกาศความมีตัวตนบนอินเตอร์เน็ตให้คนทั่วไปได้รู้จัก สามารถมีได้ชื่อเดียวในโลกเท่านั้น เช่น www.gict.co.th เมื่อผู้ใช้กรอกชื่อลงไปในช่อง Address ของ Internet Explorer ก็จะส่งชื่อไปร้องถามจากเครื่องแปลชื่อ โดเมน (Domain Name Server) และได้รับกลับมาเป็นไอพีแอดเดรส (Internet Protocol) แล้วส่งคำร้องไปให้กับเครื่องปลายทางตามไอพีแอดเดรส และได้ข้อมูลกลับมาตามรูปแบบที่ร้องขอไป
Sub Domain ( ซับโดเมน )
Sub Domain ( ซับโดเมน ) คือ เว็บย่อยของเว็บไซต์ของเราอีกที โดยปกติถ้ามี Domain (โดเมน) ชื่อ www.gict.co.th เราจะเข้าชมเว็บไซต์ของเราโดยพิมพ์ www.gict.co.th แต่หากเราต้องเข้าชมเว็บย่อยของเราจะต้องพิมพ์ http://domain.gict.co.th มีประโยชน์สำหรับท่านที่มีธุรกิจหลายประเภท เป็นการจำแนกแยกแยะหมวดหมู่ธุรกิจ
ข้อควรรู้ก่อนจดโดเมน

ข้อควรรู้ก่อนจดโดเมน
1.ความยาวของชื่อ Domain ตั้งได้ไม่เกิน 63 ตัวอักษร
3.ถ้าเป็น Domain ของบริษัท พยายามจดภายใต้ชื่อบริษัท อย่าจดด้วยชื่อพนักงาน IT
4.ข้อมูลที่สำคัญที่สุดของ Domain คือ Owner Detail
5.ใช้อีเมล์ที่จะอยู่กับคุณตลอดไปในการจดโดเมน ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ใช้ติดต่อกับคุณ เรียกว่า Registrant E-mail
6.บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับ Domain ของคุณไว้ให้ดี วันหมดอายุ ผู้ติดต่อ และอื่น ๆ
ลักษณะของ Domain Name
โดเมนเนมในโลกนี้จะไม่มีการซ้ำกันเลยครับ โดเมนเนมแบ่งเป็น 2 ประเภท ดังนี้ครับ
1. โดเมนเนม 2 ระดับ จะมีรูปแบบ เช่น amazon.com , makmay.com ฯลฯ โดยคำย่อส่วนที่ 2 คือ คำย่อของประเภทองค์กร ดังนี้ครับ
.com บริษัท หรือองค์กรพาณิชย์
.edu สถาบันการศึกษา
.gov องค์กรรัฐบาล
.mil องค์กรทางทหาร
.net องค์กรที่ทำหน้าที่เป็นเกตเวย์ หรือจุดเชื่อมต่อเครือข่าย
.org องค์กรที่ไม่เข้าข่ายประเภทองค์กรทั้งหมดที่ได้กล่าวถึง
1. โดเมนเนม 2 ระดับ จะมีรูปแบบ เช่น amazon.com , makmay.com ฯลฯ โดยคำย่อส่วนที่ 2 คือ คำย่อของประเภทองค์กร ดังนี้ครับ
.com บริษัท หรือองค์กรพาณิชย์
.edu สถาบันการศึกษา
.gov องค์กรรัฐบาล
.mil องค์กรทางทหาร
.net องค์กรที่ทำหน้าที่เป็นเกตเวย์ หรือจุดเชื่อมต่อเครือข่าย
.org องค์กรที่ไม่เข้าข่ายประเภทองค์กรทั้งหมดที่ได้กล่าวถึง
2. โดเมนเนม 3 ระดับ จะมีรูปแบบ เช่น ksc.co.th ฯลฯ โดยคำย่อส่วนที่ 2 คือ คำย่อของประเภทองค์กร ดังนี้ครับ
.co บริษัท หรือองค์กรพาณิชย์
.ac สถาบันการศึกษา
.go องค์กรรัฐบาล
.or องค์กรไม่แสวงผลกำไร
.net องค์กรที่ให้บริการเครือข่าย
.co บริษัท หรือองค์กรพาณิชย์
.ac สถาบันการศึกษา
.go องค์กรรัฐบาล
.or องค์กรไม่แสวงผลกำไร
.net องค์กรที่ให้บริการเครือข่าย
สำหรับคำย่อในส่วนที่ 3 หลังเครื่องหมายจุดใช้ระบุประเทศที่ตั้งขององค์กรนั้น เช่น
.cn จีน
.th ไทย
.jp ญี่ปุ่น
.au ออสเตรเลีย
.cn จีน
.th ไทย
.jp ญี่ปุ่น
.au ออสเตรเลีย
วิธีการจดทะเบียน Domain Name
วิธีการจดทะเบียนโดเมนเนม (Domain Name) นั้นสามารถกระทำผ่านทางระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หรือสามารถขอจดทะเบียนผ่านทางบริษัทผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตได้ โดยถ้าต้องการจดโดเมนเนมแบบ Geographical Domains ก็จะสามารถจดทะเบียนผ่านทาง www.thnic.net แต่ถ้าต้องการจดทะเบียนเป็นแบบ Organization Domains ก็สามารถเลือกจดทะเบียนได้ตามเว็บไซต์ที่เป็นตัวอย่าง เช่น www.netdesignhost.com
แสดงตัวอย่าง : ขั้นตอนในการจดทะเบียนโดเมนเนมแบบ Organization Domains มีดังต่อไปนี้
1.พิมพ์ www. www.netdesignhost.com
2.เลือกเมนู Domain Name
3.พิมพ์ชื่อโดเมนเนมที่ต้องการ เพื่อตรวจสอบว่าชื่อนี้มีการจดทะเบียนหรือยัง ถ้ามีการจดทะเบียนไปแล้ว เราจะต้องใช้ชื่อใหม่เพราะไม่สามารถที่จะจดทะเบียนด้วยชื่อที่ซ้ำกันได้
4. ถ้าชื่อโดเมนเนมที่เราได้ขอตรวจสอบไปนั้นยังไม่มีผู้ใดใช้อยู่จะแสดงชื่อ เพื่อให้เลือกประเภทขององค์กรที่ต้องการ เช่น kulrapee.com, kulrapee.org, kulrapee.net
5. ให้กำหนด Username และ Password ที่ต้องการใช้ในการจดทะเบียนโดเมนเนม
6. กรอกข้อมูลการลงทะเบียน
7. แสดงข้อมูลการลงทะเบียนมาให้ตรวจสอบอีกครั้ง
8. แสดงรายละเอียดการชำระเงินค่าจดทะเบียนโดเมนเนม เมื่อชำระเรียนร้อยแล้วก็จะมีโดเมนเนมตามที่ได้ขอจดทะเบียนไว้
รหัสสืบค้นแหล่งข้อมูล
การท่องเที่ยวในระบบอินเตอร์เน็ตนั้น จะมีเมนูหรือตำแหน่งของการเชื่อมโยง (Link) ไปยังเว็บไซต์ต่างๆ ได้อีกมากมาย ซึ่งอาจเป็นเว็บไซต์ที่เป็นส่วนย่อยของเว็บไซต์นี้ หรือเป็นเว็บไซต์ที่ถูกจัดเก็บไว้ในกลุ่มข้อมูลต่างๆ เมื่อคลิกเข้าไปแล้วบางครั้งเสมือนกับเราได้เปิดประตูเข้าไปข้างในทีละชั้นจนพบกับข้อมูลที่เราต้องการ
การเชื่อมโยงข้อมูล (Link)
เว็บเพจแต่ละหน้าใน word wide wed จะสามารถเชื่อมโยงกันได้ ทำให้เราสามารถที่จะเรียกดูเว็บเพจอี่นได้จากการคลิกเมาส์เพื่อกระโดดไปยังข้อมูลที่ต้องการได้ เราสามารถสร้างเชื่อมโยงผ่านทางข้อความ รูปภาพ หรือปุ่มเมนู
การเชื่อมโยงข้อมูล (Link) สามารถเชื่อมโยงได้ ดังนี้
1.การเชื่อมโยงข้อมูลภายในหน้าเว็บเพจเดียวกัน
2.การเชื่อมโยงข้อมูลไปยังเว็บเพจหน้าอื่นๆ ซึ่งอยู่ภายในเว็บไซต์เดียวกัน
2.การเชื่อมโยงข้อมูลไปยังเว็บเพจหน้าอื่นๆ ซึ่งอยู่ภายในเว็บไซต์เดียวกัน
3.การเชื่อมโยงข้อมูลไปยังเว็บไซต์อื่นๆ

แบบฝึกหัดบทที่ 5
1. เว็บไซต์ (Web Site) คือ
ก. หน้าเว็บเพจหลายๆ หน้า
ข. หน้าแรกของเว็บไซต์
ค. มาตรฐานในการสื่อสารข้อมูลบนระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
ง. หน้าเอกสารเว็บ
2. ใครเป็นคนจดสิทธิบัตรเทคโนโลยีของเขาไปเมื่อปี 2532
ก. ทิม เบอร์เนิอร์ลี่
ข. เจฟฟ์ เบโซส์
ค. เจอร์รี่ หยาง
ง. มาร์ค แอนดรีเอส
3. เว็บเพจ (Web Page) คือ
ก. หน้าเว็บเพจหลายๆ หน้า
ข. หน้าแรกของเว็บไซต์
ค. มาตรฐานในการสื่อสารข้อมูลบนระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
ง. หน้าเอกสารเว็บ
4. ระบบ World Wide Web พัฒนาขึ้นมาในช่วงใด
ก. 1899
ก. 1899
ข. 1897
ค. 1989
ค. 1989
ง. 1910
5. โฮมเพจ (Home Page) คือ
ก. หน้าเว็บเพจหลายๆ หน้า
ข. หน้าแรกของเว็บไซต์
ค. มาตรฐานในการสื่อสารข้อมูลบนระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
ง. หน้าเอกสารเว็บ
6. Cybersquatter คือข้อใด
ก. มาตรฐานในการสื่อสารข้อมูลบนระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ข. ผู้ที่ต้องการเก็งกำไรจากการขายโดเมนเนม
ค. ผู้มีหน้าที่ดูแลการจดทะเบียนโดเมนเนม
ง. ผู้มีหน้าที่ในการกำหนดโดเมนเนม
7. IP Address คือ
ก.ที่อยู่ของเว็บ
ข.รหัสสืบค้นแหล่งข้อมูล
ค.การเชื่อมโยงข้อมูล
ง.หลายเลขประจำเครื่อง
8. ชื่อย่อของ uk คือประเทศใด
ก. ไทย
ข. ออสเตรเลีย
ค. สหรัฐอเมริกา
ง. สหราชอาณาจักร (อังกฤษ)
9. Protocol คือ
ก. ชื่อของมาตรฐานที่ใช้ในการสื่อสารของเว็บไซต์
ข. ส่วนที่ระบุชื่อของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เผยแพร่เว็บเพจ
ค. ตำแหน่งของไฟล์ในเว็บไซต์
ง. ถูกทุกข้อ
10. นายทิม เบอร์เนอร์ลี จดสิทธิบัตรเทคโนโลยีเมื่อปี พ.ศ. ใด
ก. 2531
ข. 2532
ค. 2533
ง. 2534
เฉลย 1.ก 2.ค 3.ก 4.ข 5.ง 6.ก 7.ก 8.ค 9.ค 10.ข
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น